ไมตรีปาละ สิริเสนะ (
อักษรโรมัน: Maithripala Sirisena;
สิงหล: මෛත්රීපාල සිරිසේන; เกิด 3 กันยายน พ.ศ. 2494) เป็นนักการเมืองชาวศรีลังกา ดำรงตำแหน่ง
ประธานาธิบดีคนที่เจ็ดของศรีลังกา ดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2558
[1][2] ถึงวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562[
ต้องการอ้างอิง] เป็นประธานาธิบดีศรีลังกาคนแรกที่มาจาก
มณฑลกลางเหนือ (North Central Province) และไม่ได้มาจากกลุ่ม
อภิสิทธิชนทางการเมืองตามขนบประเพณี
[3]เขาเข้าสู่การเมืองกระแสหลักเมื่อ พ.ศ. 2532 ด้วยการเป็นสมาชิก
รัฐสภาศรีลังกา และได้ว่าการหลายกระทรวงตั้งแต่ พ.ศ. 2537
[4] ตำแหน่งสุดท้ายก่อนเข้ารับ
เลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีเมื่อ พ.ศ. 2558 คือ เลขาธิการ
พรรคเสรีภาพศรีลังกา (Sri Lanka Freedom Party) และ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เขาเป็นบุคคลที่กลุ่มฝ่ายค้านมีมติร่วมกันให้ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
[5][6] ชัยชนะที่เขาได้รับในการเลือกตั้งดังกล่าวนั้น มองกันว่า "เหนือความคาดหมาย" (surprise) เพราะเขาได้รับคะแนนเสียงจากเขตเลือกตั้งแถบชนบทซึ่งชนกลุ่มใหญ่เป็นชาวสิงหล ทั้งได้คะแนนเสียงจากชนกลุ่มน้อยชาว
มุสลิมและ
ทมิฬที่ถูกพรรครัฐบาลทอดทิ้งเนื่องจากนโยบายปรองดองหลังสงครามและการแบ่งแยกดินแดนที่ทวีความรุนแรงเรื่อย ๆ
[3][7][8][9] เมื่อได้รับเลือกตั้งแล้ว มีข่าวว่า สิริเสนะให้คำมั่นว่า จะดำเนินโครงการ "ปฏิรูป 100 วัน" (100-day reform) เพื่อจัดสมดุลใหม่ให้แก่ฝ่ายบริหารภายใน 100 วันนับแต่วันได้รับเลือกตั้ง โดยจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายตุลาการ จะปราบทุจริต จะสืบสวนข้อกล่าวหาเกี่ยวกับอาชญากรรมสงครามตั้งแต่ พ.ศ. 2552 จะยกเลิกรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 18 ซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันมาก จะกลับไปใช้รัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 17 และจะตั้ง
รนิล วิกรมสิงหะ (Ranil Wickremesinghe) หัวหน้า
พรรคร่วมแห่งชาติ (United National Party) เป็น
นายกรัฐมนตรี[10][11][12] แต่ภายหลังเขาแถลงว่า โครงการนี้เป็นความคิดของใครก็ไม่ทราบ แต่ไม่ใช่ของเขา
[13][14]เขาสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีต่อหน้า
กนกสปาปติ ศรีปวัน (Kanagasabapathy Sripavan) ประธานศาลสูงสุด ณ
จัตุรัสเอกราช เมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2558 เวลา 18:20 นาฬิกา (เวลาท้องถิ่น)
[15][16] สาบานตนเสร็จแล้วเขาก็ตั้งวิกรมสิงหะเป็นนายกรัฐมนตรีทันที
[17][18] ทั้งแถลงว่า จะอยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดีเพียงวาระเดียว
[19] เขายังประกาศโอนอำนาจที่สำคัญของประธานาธิบดีไปให้รัฐสภาโดยสมัครใจในวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2558
[20][21]เขาเป็นที่กล่าวขวัญเพราะสร้างความประหลาดใจหลายประการให้ชาวศรีลังกา เช่น ออก
กิจจานุเบกษา (gazette) ทุกวันศุกร์มาตั้งแต่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2561 และในปีเดียวกันนั้น เขายังถอดวิกรมสิงหะออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทั้งที่วิกรมสิงห์เป็นผู้สนับสนุนหลักให้เขาขึ้นเป็นประธานาธิบดีใน พ.ศ. 2558 แล้วเขาตั้ง
มหินทะ ราชปักษะ (Mahinda Rajapaksa) อดีตประธานาธิบดีซึ่งเคยเป็นคู่แข่งของเขา ให้เป็นนายกรัฐมนตรีแทน นอกจากนี้ เขายังสั่งปิดประชุมรัฐสภา ทั้งหมดทั้งมวลนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญศรีลังกา จึงนำไปสู่
วิกฤตการณ์รัฐธรรมนูญ[22][23][22][24]